การแต่งกายของไทยทรงดำเป็นเผ่าพันธ์ุที่สุดประหยัดเพราะไม่ว่างานมงคลหรืออวมงคลใช้เสื้อแบบเดียวกันที่ใช้มืออย่างละ 2 แบบ สีหลัก 2 สี คือ ขาวและดำ สีอื่นๆเพียงเพื่อให้สวยงาม มีอีก 3 สี คือ เขียว เหลือง แดง
การแต่งกายไทยทรงดำ เน้นด้วยผ้าสีดำหรือสีกรมท่า โดยแบ่งออกเป็นของผู้ชายและผู้หญิง การแต่งกายผู้ชาย คือ ใส่เสื้อไทติดกระดุมเงินตั้งแต่ 11 เม็ดขึ้นไป สวมซ่วงก้อม หรือ (กางเกงขาสั้น) คาดด้วยสายคาดเอว หรือ (ฝักเอว) ใส่เสื้อฮีชายในชุดพิธีกรรม การแต่งกายผู้หญิง คือ ใส่เสื้อก้อมติดกระดุมเงินไม่เกิน 11 เม็ด ฮ้างผ้าซิ่นลายแตงโม ทรงหน้าวัว หรือหน้าสั้นหลังยาว ผาดบ่าด้วยผ้าเปียว สะพายกะเหล็บ ใส่เสื้อฮีหญิงในชุดพิธีกรรม
การแต่งกายของชายไทยทรงดำ
กางเกงมี 2 แบบ ซ่วงก้อม กับ ซ่วงฮี เสื้อไท เสื้อฮี งานไม่เป็นพิธี ใช้ซ่วงก้อม กับเสื้อไท งานพิธี ซ่วงฮีหรือกางเกงขายาว และเสื้อฮี หากใส่เสื้อไทนิยมคาดกระป๋องบุหรี่หรือเงิน เสื้อไทเป็นเสื้อคอตั้ง ไม่มีปกตรงแขนยาว ตรงสะโพกจะบานออกติดกระดุมถี่เท่าใดแสดงถึงเป็นคนละเอียดรอบคอบ นิยมติด 19 เม็ด 21 เม็ด 27 เม็ด กระดุม1 ชุดเรียกว่า 1 ซุ่ม จะติดจำนวนคี่ ดังนั้นหากใครติดรังดุมมากเท่าใดญาติต้องช่วยใส่ลูกกระดุมให้ เป็นการแสดงออกถึงการเอื้ออาทรต่อกัน ผ้าขาวม้าลาวโซ่งนิยมพาดบ่า หรือ โพกศีรษะ ผ้าขาวม้าจะเป็นลายทางๆ ไม่เป็นตาสี่เหลี่ยม สีที่ใช้คั่นผ้าขาวม้าเป็นสีหลักดังกล่าว พื้นมักจะเป็นสีขาวไม่นิยมพื้นสีดำ เสื้อฮีชาย ที่คอเดินด้ายหลายสีชายเสื้อด้านในตกแต่งด้วยเอื้อแส่ว ด้านข้างตัวเสื้อจะเย็นขอกุด เป็นจุดสวยที่จะโชว์ คือบริเวณนี้เพราะอยู่ด้านนอก ใต้รักแร้ จะตกแต่งด้วยเอื้อแส่ว ไม่มีเสื้อชั้นในหรือกางเกงใน กางเกงในใช้ซ่วงก้อม
การแต่งกายของหญิงไทยทรงดำ
มีแบบเป็นพิธี และไม่เป็นพิธี แบบไม่เป็นพิธี หญิงนุ่งผ้าถุงลายแตงโมกับเสื้อก้อม ผ้าสไบต้องใช้เป็นประจำสำหรับคล้องคอเวลาคุยกับหนุ่ม เอาไว้โพกผมมิให้หลุดเวลาทำงานหรือพันเอวหรือสะโพกเวลาทำงานเพื่อให้กระชับหรือนุ่งผ้าตาหมี่เอาไว้ใช้ในพิธีเสน ซึ่งสิ่งของสวยงามไปให้ผีใช้ แบบเป็นพิธี นุ่งผ้าซิ่นตาหมี่หรือผ้าซิ่นลายแตงโมกับเสื้อฮี การใส่เสื้อฮี หมายถึงการแต่งกายอย่างเรียบร้อยแสดงถึงความเคารพ การใส่เสื้อฮีจะใส่ด้านที่ไม่มีลวดลายสวยงาม สำหรับด้นในของเสื้อฮีใช้ในการคลุมโลงศพเพียงอย่างเดียว คลุมทั้งศพผู้หญิงหรือศพผู้ชาย แต่ใช้เสื้อฮีผู้หญิงไม่ใช้เสื้อฮีผู้ชายแม้กระทั่งแต่งกายให้ศพ ก็ต้องใส่เสื้อฮี เพื่อที่จะได้ไปเฝ้าแถน และต้องใส่ด้านที่คนมีชีวิตใส่ เสื้อฮีใช้ในงานมงคลและอวดมงคล บอกถึงฐานะของผู้ใส่ว่าเป็นเขยหรือสะใภ้
เสื้อตั๊ก
เสื้อตั๊ก คือ เสื้อที่ใส่ไว้ทุกข์เมื่อญาติผู้ใหญ่เสียชีวิต ผู้ที่จะใส่คือ ลูกหลานใกล้ชิด จะเป็นผีเดียวกันหรือไม่ใช่ผีเดียวกัน หากเป้นญาติใส่เสื้อตั๊ก เสื้อตั๊กใช้แบบเดียวกันทั้งชายและหญิง มีลักษณะเป็นคอแหลม ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เย็บไม่ต้องมั่นคงพออยู่ได้ไม่มีแขน ใช้แขนในตัว หากพ่อแม่เสียชีวิต ลูกๆต้องโพกศีรษะด้วยผ้าขาวตัดเป็นสี่เหลี่ยมแล้วพับเป็นสาวเหลี่ยมโพกศีรษะ การโพกศีรษะต้องระวังมีผู้ใกล้ชิดมีชีวิตอยู่ไม่นิยมโพกศีรษะใส่เสื้อตั๊กอย่างเดียว
เสื้อจาง
เสื้อจางหรือช่าง คือ เสื้อสำหรับหมอเสนชนชั้นผู้ต้าว เป็นเสื้อสีแดง แหกข้างแบบห่งเห่ง ต้องเป็นผ้าไหม
เด็กผู้หญิงใช้ผูกจับปิ้ง เด็กชายผูกสายพวย ซึ่งจะมีรูปหอย ปู กุ้ง ปลา ร้อยรอบเอว จับปิ้งเป็นรูปสามเหลี่ยมปายแหลมใช้ปิดอวัยเพศหญิง หรือใช้กะลามะพร้าวเป็นรูปหัวใจ ใช้ปลอกคอเงินกลม มีตะขอเกี่ยวด้านหลังใช้จนอายุ 13 ปี จึงถอดเมื่อเริ่มเป็นหนุ่มสาว หญิงเจาะรูหู ผูกเชือกดำที่รูหู หรือใส่ไส้กระเทียม ใส่ตุ้มหูห่วงเล็กๆ ผู้ชายไม่เจาะหู
มู่ คือ หมวกเด็กหญิงชาย เด็กหญิงเป็นเหลี่ยมหน้าสั้น หลังยาวถึงท้ายทอย มุมบน 2 มุม ประดับด้วยกระจก ผ้าหลากสี เด็กชายจะทำเป็นรูปวงกลม ตกแต่งด้วยการเย็บดอก
สร้อยพานพานหลา เป็นห่วงเท่าตระกรุดทองสลับลูกปัดสีดำ ใช้คล้องสะพายไหล่ขวา ใช้กับหญิงสูงอายุ
ตุ้มหู ที่นิยมใช้เป็นก้านยาว งอลงมามี 3 แบบ แบบสาว เรียกว่า สากกระเบือน้ำหยด (หยดน้ำ) รูปร่างคล้ายไม้ตีพริกห้อยตุ้งติ้ง สาวใหญ่คล้ายดอกพิกุลแต่ก้านยาว บ่องหูเป็นลักษณะกลมใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร ตรงใส่รูหูจะใหญ่ 1 เซนติเมตร บ่องหูเป็นสัญลักษณ์ ประจำตัว ผู้สูงอายุ
อัตลักษณ์ที่ชัดเจนของไทยทรงดำเพชรบุรี คือ ซิ่นลายแตงโม ต้องเป็นสีดำ, กรมท่า หรือสีคราม และเสื้อก้อม ที่เป็นเสื้อคอปิด สีดำ หรือสีกรมท่า หรือสีครามเช่นเดียวกัน และสามารถใส่ได้ทั้งสองด้าน ซึ่งการเย็บจะไม่มีใครเหมือน ตะเข็บจะกลมกลืนทั้งหมด การนุ่งซิ่นถ้าพันเอวจะเป็นการแต่งกายไปไร่ไปนา การติดดอกลั่นทมจะติดไว้หลังก้อนผม และก็มีเสื้อฮี ที่เก็บความงามไว้ข้างใน
การแต่งกายชาย กางเกงชายมี 2 แบบ ส่วงขาม้า (ส่วงฮี) และขาสั้น เรียกว่า ส่วงก้อม (ก้อม หมายถึง พอดีตัว) ส่วงก้อมคล้ายกางเกงขาก๊วยของจีน และเสื้อมี 4 แบบ คือ
1. เสื้อไทหรือเสื้อซ่อน เสื้อไทหรือเสื้อซอนสำหรับชาวไทยทรงดำผู้ชาย นิยมใส่ร่วมกับซ่วงก้อม มีลักษณะเหมือนกางเกงขาก๊วยแบบขาสั้นของจีน ถ้าใส่เสื้อเชิ้ตด้านในเรียก คอแก่น เป็นชุดไปรำแคน ใช้เป็นเสื้อสำหรับผู้ชายไทยโซ่ง นิยมใส่ในพิธีกรรม เช่น อิ้นกอน เสนเฮือน เป็นต้น ขนาดขึ้นอยู่กับรูปร่างของแต่ละคนที่ใส่ มีขนาดรัดรูป วัสดุเป็นผ้าฝ้าย แต่ในปัจจุบันใช้เส้นใยสังเคราะห์สีดำหรือกรมท่า ลวดลายลักษณะผิวเรียบ ประกอบด้วยกระดุมเงินและมีเส้นไหมร้อยติดกับกระดุมเรียกว่า “สายเจา” ผ้าที่ใช้เย็บในปัจจุบันส่วนใหญ่ชาวบ้านนิยมใช้เส้นใยสังเคราะห์แทนผ้าฝ้าย เพราะสีไม่ตก สวมใส่สบาย กระดุมที่ใช้ติดกับตัวเสื้อเปลี่ยนจากเงินแท้เป็นอลูมิเนียมแทนเพราะเงินแท้ค่อนข้างหายาก ตัวเสื้อสามารถใส่ได้ทั้งสองด้าน ซึ่งบ่งบอกถึงความประณีตของคนเย็บ
ความเชื่อชาวไทยโซ่งเชื่อว่าชายใดที่ติดกระดุมเสื้อถี่ๆหรือติดกระดุมมากแสดงว่าบ้านมีฐานะ การติดกระดุมเสื้อนิยมติดเป็นเลขคี่ ชายใดที่ติดกระดุมเสื้อไม่ผิดสามารถเลือกเป็นสามีได้ ถ้าเย็บเสื้อเสร็จจะต้องมีกระดุมติดตัวเสื้ออยู่ เพราะถ้าไม่มีกระดุมถือว่าเป็นเสื้อสำหรับใส่ให้คนที่เสียชีวิต ในปัจจุบันชาวไทยโซ่งหมู่บ้านท่าโล้ยังนิยมใส่เสื้อไทกันอยู่ แต่จะเห็นในพิธีกรรมเท่านั้น เช่น ตามงานบุญประเพณี งานเสนเฮือน เป็นต้น
2. เสื้อก้อม เสื้อที่มีรูปทรง สั้นๆ มีความยาวตั้งแต่คอเสื้อถึงสะโพก มีลักษณะเป็นเสื้อคอกลมผ่าหน้า มีลักษณะที่แนบลำตัว เสื้อก้อมใช้สำหรับสวมใส่ไปทำงาน เดินทาง ไปต่างหมู่บ้าน หรือใช้คู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาว โดยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวไว้ข้างใน แล้วสวมเสื้อก้อมทับอีกชั้นหนึ่งโดยพับปกเสื้อเชิ้ตออกมาด้านนอกเรียกว่า ”คอแก่น” ซึ่งหมายถึง ”คอ 2 ชั้น” สวมใส่ในการฟ้อน ไทยดำ
เสื้อก้อมผู้ชาย เป็นเสื้อแบบคอตั้งไม่มีปก ที่แขนเสื้อไม่ต่อตรงไปถึงปลายแขนโดยใช้ผ้าทบสองชั้นให้เป็นรูปทรงกระบอกยาวถึงข้อมือ การต่อแขนเสื้อไม่ตัดผ้าให้โค้ง แต่มีวิธีทำแขนให้กว้าง โดยแทรกผ้ารูปสามเหลี่ยมไว้ใต้รักแร้ทำให้โคนแขนใหญ่ขึ้น สะดวกในการสวมใส่และการเคลื่อนไหว บริเวณชายเสื้อด้านข้างลำตัวทั้งสองข้าง แทรกด้วยผ้ารูปสามเหลี่ยมตั้งแต่เอวลงมาถึงสะโพก เพื่อให้ชายเสื้อบานออก บริเวณสาบเสื้อซึ่งเป็นผ้าทาบที่อกเสื้อสำหรับติดกระดุม และเจาะรังดุมใช้ผ้าแถบยาวถึงไม่ติดชายเสื้อเย็บติดกับแผ่นเสื้อด้านหน้าข้างขวาแล้ว จึงเจาะรังดุมใช้เป็นรูปผ้าแถบยาวถึงเอวไม่ติดชายเสื้อเย็บติดกับแผ่นเสื้อด้านหน้าด้านข้างขวาแล้ว จึงเจาะรังดุม 9-13 ช่องกระดุมทำด้วยเงินเป็นรูปยอดแหลมลายกลีบบัวติดห่วงที่ปลายยอดแล้วจึงนำมาเย็บติดกับขอบผ้าด้านซ้ายให้ตรงกับรังดุม การเย็บตะเข็บเสื้อใช้มือเย็บ ตลอดแนวโดยเย็บแบบพันตะเข็บให้เป็นเส้นกลม ส่วนการเย็บปลายแขนเสื้อเก็บ ริม ผ้าโดยไม่ต้องพับแล้วเย็บ สีของเสื้อก้อม เสื้อก้อมตัดเย็บด้วยผาฝ้ายสีครามเข้ม เหมาะแก่การสวมใส่ในฤดูหนาว เพราะเสื้อก้อมเป็นเสื้อที่ผลิตจากฝ้ายซึ่งมีคุณสมบัติรักษาความอบอุ่นให้แก่ร่างกายได้ดีด้านความเชื่อสีครามเข้มเป็นสีที่อยู่ในวรรณะเย็นซึ่งแสดงถึงความเศร้าโศกความอ้างว้างและเดียวดายของชาวไทยทรงดำที่ต้องพลัดพราก จากบ้านเกิดเมืองนอน ลวดลายเสื้อก้อมเป็นเสื้อที่มีสีครามเข้มทั้งตัวไม่มีลวดลาย
3. เสื้อฮี คอกลมแขนยาวใช้ในพิธีการ ความงามอยู่ด้านข้าง โชว์ลายซึ่งเรียกว่า “ขอกุด” ชายใส่ด้านเดียวเสื้อฮีใส่ในพิธีสำคัญ เช่น งานตาย การแต่งงาน
4. เสื้อห่งเห่ง คอเสื้อติดกระดุม 5 เม็ด ด้านข้างแหวกประมาณ 1 คืบ ใช้ใส่ทำงาน
การแต่งกายผู้หญิง มักจะมีผ้าซิ่นลายแตงโม ประกอบด้วย ผ้า 3 ชิ้น คือ ตีนซิ่น ตัวซิ่น หัวซิ่น หญิงแต่ละวัยนุ่งไม่เหมือนกันดังคำว่า "สาวน้อยขอดซอยเอื้อมไหล่ สาวใหญ่ๆ นุ่งซิ่นต่อหัว สามีผัวนุ่งซิ่น 2 ช้อน" นอกจากผ้าถุงผ้าฝ้ายก็ยังมีผ้าถุงผ้าไหม เรียก ซิ่นตาหมี่สวยงามใช้พิธีเสน ปัจจุบันไม่นิยมนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะทอยาก
การนุ่งผ้านุ่ง เด็กจะนุ่งทบไปข้างหน้าเหมือนคนไทย เริ่มเป็นสาวเริ่มนุ่งผ้าต่อหัวซิ่นและนุ่งแบบ “หน้าวัว” คือ ทบทั้ง 2 ด้าน มาไว้ตรงกลางหน้าท้องและพับมุมผ้ามารวมตรงหน้าท้องทั้งนี้เพื่อสะดวกในการเดินทาง เพราะการทอผ้าด้วยมือหากแรงกระแทกไม่แข็งแรงเนื้อผ้าจะแยก นุ่งก็ต้องระวัง นั่งก็ต้องระวัง
สไบ สาวๆ ใช้ผ้าสี หญิงมีอายุใช้ผ้าเปียวหรือผ้าฮ่างนม สีดำมีดอกสวยงาม
เสื้อหญิงมี 4 แบบ
1. เสื้อก้อม มีความหมาย และ การใช้เช่นเดียวกับเสื้อก้อมผู้ชาย แต่มีลักษณะบางส่วนที่แตกต่างและเหมือนกัน เสื้อก้อมเป็นเสื้อคอตั้งเข้ารูป ไม่มีปก แขนยาวทรงกระบอกรัดข้อมือเพื่อ ให้แนบลำตัวจะได้รับความอบอุ่นและป้องกันความร้อนได้ดีต่อการต่อแขนติดกับลำตัวต่อชนตะเข็บตรงๆ ไม่เว้าผ้าและมีผ้าแทรกใต้รักแร้ตัวเสื้อมีความยาวเหนือสะโพกและผ่าหน้าตลอดติดกระดุมเงิน เหมือนเสื้อก้อมผู้ชาย
2. เสื้อฮี ใช้เย็บสวมได้ 2 ด้าน งานมงคลมีลวดลายน้อย งานอวมงคล ลวดลายมาก และใช้คลุมโลงศพเวลาตาย ปกติใช้เสื้อก้อมเป็นเสื้อแขนยาวคอตั้งติดกระดุม 9 เม็ด หรือ 11 เม็ด ตรงสายเหนือสะดือ จะเว้านิ้วครึ่ง ตรงเอวจะคอดและผายออก เพื่อโชว์หน้าท้องและเข็ดขัดเงินเป็นจุดเซ็กซี่
3. เสื้อห่งเห่ง เป็นเสื้อคอตั้งติดกระดุม 5 เม็ด ใส่ทำงาน
4. เสื้อชั้นในหญิง จะใช้สีดำหรือสีขาว เป็นจีบรอบตัว แขนเล็กขึ้นไปจากตัวเสื้อคล้ายเสื้อกระโปรง (เสื้อสายเดียว)
ซิ่น ของผู้หญิงไทยทรงดำจะสั้นกว่าและลักษณะการนุ่งจะมีชายหน้าสูง ส่วนชายหลังต่ำ ส่วนบนของตัวซิ่นหรือที่เรียกว่าเชิงบนหรือหัวซิ่น จะโอบเข้ากับเอวด้านซ้ายและขวาให้กระชับ จากนั้นคาดด้วยเข็มขัดหรือเชือกขวั้นเกลียว
ผ้าซิ่นหรือผ้าถุง คือผ้าที่ใช้นุ่ง ในชีวิตประจำวันและในพิธีกรรมต่างๆ โดยมีการใช้แตกต่างกัน คือ ผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานจะนุ่งซิ่นต่อหัวแต่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วผ้าซิ่นหรือผ้าถุง คือ ผ้าที่นุ่งในชีวิตประจำวันและในพิธีกรรมต่างๆ โดยมีการใช้แตกต่างกัน คือผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานจะนุ่งซิ่นต่อหัว แต่ถ้าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วต้องนุ่งซิ่น 2 ผืน เพื่อ ป้องกันประจำเดือนที่อาจมาไม่ปกติ ถ้านุ่งซิ่นผืนเดียวอาจทำให้เปื้อนผ้าซิ่นได้ชาวไทยทรงดำ จึงมีคำกล่าวไว้ว่าดซอย ”สาวน้อย ขอดซอย เอื้อม ไหล่ สาวใหญๆ นุ่งซิ่นต่อหัว สาวมีผัว นุ่งซิ่นสองซ้อน” ผ้าซิ่น มีเส้นไหมสีแดงสอดไว้ตามแนว ตั้งของผ้าเรียกว่า “เส้นยืน” แล้วสอด ด้วยฝ้ายสีครามเข้ม ตามแนวนอนเรียกว่า”เส้นพุ่ง” สลับกับฝ้ายสีขาวทอแนวตั้งจนกลายเป็นผ้าพื้นที่มีลายทางเล็กๆตามความยาวของลำตัวคล้ายลายบน ผลของลูกแตงโม ทำให้ผ้าซิ่นมีชื่อรียกว่า “ผ้าซิ่ลายแตงโม” ซึ่งประกอบด้วยผ้า 3 ส่วน คือ หัวซิ่น อยู่ท่อนบนสุดเป็นผ้าฝ้าย พื้นสีครามเข้ม ความกว้างของแถบผ้า เท่ากับความกว้างของแถบผ้า เท่ากับความกว้างของตัวซิ่น รูปแบบ ผ้าซิ่นส่วนนี้ค่อนข้างบาง เมื่อนุ่งแล้ว กระชับแนบลำตัว ตั้งแต่เอวและสะโพก ช่วงบน ทำให้เห็นรูปร่างของผู้สวมใส่ตัวซิ่น อยู่ส่วนกลางของผ้าติดกับหัวซิ่นพื้นที่ส่วนใหญ่มีสีครามเข้มผ้าใน ส่วนนี้หนากว่าหัวซิ่น เมื่อนุ่งแล้วนำมาทบกันตรงกลาง ทำให้ดูมั่นคงหนักแน่น เวลาเคลื่อนไหวส่วนกลางและชายผ้าจะอ่อนพลิ้วคล้ายกับคลื่นน้ำ ตีนซิ่น อยู่ด้านล่างสุดต่อจากตัวซิ่น เป็นผ้าทอ ด้วยผ้าฝ้ายมีคุณประโยชน์ เพื่อช่วยถ่วงน้ำหนักของตัวซิ่นให้อยู่ตามรูปทรง
สีของผ้าซิ่นลายแตงโม ผ้าซิ่นมีพื้นเป็นสีครามเข้มโดยมีเส้นไหม สีขาวตามแนวตั้งจนกลายเป็นลายทางเล็กๆ คล้ายลายผลของลูกแตงโม ทำให้ผ้าซิ่นทีชื่อเรียกว่า “ผ้าลายแตงโม” ชาวไทยทรงดำมีความเชื่อตาม หลักการวางสีของผ้าซิ่นโดยเชื่อว่า สีแดง หมายถึง เลือด เนื้อหรือสิ่งมีชีวิต การหลุดพ้น และการสิ้นสุด ซึ่ง เป็นการสื่อให้เห็นถึงความ เป็นพวกพ้อง เผ่าพันธุ์ เดียวกันแม้ว่าจะมีชีวิตหรือเสียชีวิตแล้ว ก็ตามส่วนสีครามเข้ม สลับกับสีขาว เป็นการบ่งบอกถึงความเดียวดาย ที่ต้องพลัดพรากจากญาติพี่น้องและบ้านเกิดเมืองนอนที่อยู่อาศัยในประเทศลาว และเวียดนาม
ผ้าซิ่นมีลวดลาย 3 คือ ลายตากิ๊บหรือลายตาคีบ เป็นลาย สีขาวสองเสนจับหรือคีบผ้าฝ้ายสีครามเข้ม ให้อยู่ในแนวยาวตามลำตัว หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มไทดำในลาวและเวียดนาม ลายต่อมา คือ ลายตาย่อยหรือตาเดี่ยวเป็น ลายสีขาวเพียงเส้นเดียวยาวตามลำตัว หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มไทยทรงดำในลาวและเวียดนาม ลายต่อมา คือ ลายตาย่อยหรือาเดี่ยวเป็น ลายสีขาวเพียงเส้นเดียวยาวตามลำตัว หมายถึงความโดดเดี่ยวเดียวดายจากการ ถูกกวาดต้อนเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ชนกลุ่มน้อยลายสุดท้ายคือ ลายตาหมู่ หรือตาคู่ ลายสีขาวสองเส้นคั่น ด้วย ฝ้าย สีครามเข้ม หมายถึงความพลัดพราก จากบ้านเกิดเมืองนอนและญาติพี่น้อง
ผ้าเปียว เป็นแถบผ้าฝ้ายทอมือสีดำและมีการปักลวดลายที่ชายผ้า ในภาพถ่ายของกลุ่มไทดำ แสดงให้เห็นการใช้สำหรับโพกศีรษะ
ผ้าเปียว หมายถึง ผ้าที่ใส่ศีรษะแทนหมวกเป็นผ้าที่ทอจากฝ้าย หรือผ้าไหมสีครามเข้ม ผ้าเปียวเป็นสัญลักษณ์ของการมีเจ้าของและคนชรา ผู้หญิงสาวจึงเตรียมจัดทำผ้าเปียวไว้เพื่อนำไปเป็นผ้าไหว้แม่สามี คนสูงอายุมักห่มผ้าเปียวอยู่กับบ้าน หรือห่มไปวัด โดยห่มเฉียงบ่าเหมือนกับห่มผ้าสไบ แม้แต่ตอนเสียชีวิตก็ต้องมีผ้าเปียวห่ม โดยมีความเชื่อว่าลวดลายผ้าเปียวเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล เมื่อเสียชีวิตก็ิที่ต้องมีผ้าเปียวห่ม โดยมีความเชื่อว่าลวดลายผ้าเปียวเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล เมื่อเสียชีวิตลงญาติที่ล่วงลับไปก่อนแล้วจะเดินทางมารับเพื่อไปอยู่ในดินแดนเดียวกันได้ถูกต้องลักษณะของผ้าเปียวมีดังนี้
รูปแบบผ้าเปียว เป็นผ้าที่ทอจากฟืม ขนาดเล็กเรียกว่า “ฟืมเจ็ด” มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความยาวของผ้าเปียวขึ้นอยู่กับสัดส่วนของแต่ละบุคคล ผ้าเปียวมีวิธีมัด 3 แบบ คือ แบบแรกนำกลางเปียว มาใส่หน้าผากแล้วมัดไว้ที่ข้างหลัง แบบที่สองพันไว้หลายรอบบนศีรษะโดยเอาปลายด้านหนึ่งเหน็บไว้ที่ฝั่งขวาปลายด้านหนึ่งพาดลงไปปกด้านหลังเพื่อให้เห็นลาย แบบที่สามพันไว้ข้างบนแล้วให้ลายปกลงมาข้างหน้า
สีของผ้าเปียว ผ้าเปียวมีสีและความหมายเช่นเดียวกับเสื้อฮีผู้ชาย ลวดลายของผ้าเปียว การทำลวดลาย ผ้าเปียว หญิงสาวไทยทรงดำทุกคนต้องหัดทำ ลายพื้นฐานของผ้าเปียว ซึ่งเริ่มจากการปักบริเวณชายผ้าเรียกว่า “สอยฝักแค” ให้เกิดความชำนาญเสียก่อน จึงจะเริ่มทำ ลวดลายต่างๆได้ ผ้าเปียวลวดลายดั้งเดิม มีอยู่ 4 แบบคือ
ลิขสิทธิ์ ©2020 ไทยทรงดำ - สงวนสิทธิ์ทุกประการ
ขับเคลื่อนโดย GoDaddy